พิมพ์
หมวดหลัก: All cat
หมวด: ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก

ลูกศิษย์ท่านพ่อคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกที่ไปพบท่าน ท่านก็ถามว่า "เคยทำบุญที่ไหนบ้าง" เขาก็ตอบว่า เคยไปช่วยสร้างพระพุทธรูปที่วัดนั้น ช่วยสร้างเมรุที่วัดนี้ ฯลฯ ท่านก็เลยถามอีกว่า "ทำไมไม่ทำที่ใจล่ะ"ฯ

  • "สร้างพระไว้ในใจของเรา ได้บุญยิ่งกว่าสร้างพระข้างนอก"ฯ
  • ครั้งหนึ่งท่านพ่อใช้ลูกศิษย์คนหนึ่งถางหญ้าที่หน้าวัด คนนั้นก็ทำไปโดยไม่เต็มใจ คิดแต่ในใจว่า "กรรมอะไรน้อ ที่ต้องทำงานอย่างนี้" พอเขาทำเสร็จ ท่านพ่อก็บอกว่า "โยมได้บุญหรอก  แต่ได้ไม่ต็มที่"
    "โฮ ท่านพ่อ ทำถึงขนาดนี้ยังไม่ได้หรือ"
    "โยมจะให้ได้เต็มที่ บุญก็ต้องถึงใจ"ฯ
  • เรื่องหญ้ายังมีอีก วันหนึ่งท่านพ่อชี้หญ้าที่ขึ้นรกบริเวณกุฏิให้โยมคนหนึ่งดู แล้วถามเขาว่า "หญ้าปากคอกโยมไม่เอาหรือ"
    "เป็นยังไงท่านพ่อ หญ้าปากคอก"
    "ก็บุญที่อยู่ใกล้ตัว ที่คนอื่นเขามองข้ามไป นั่นเรียกว่าหญ้าปากคอก"ฯ
  • อีกครั้งหนึ่งท่านพ่อพาลูกศิษย์จากกรุงเทพฯ ขึ้นไปทำความสะอาดบริเวณพระเจดีย์ พอดีเจอเศษขยะที่ใครไม่ทราบทิ้งไว้บนนั้น ลูกศิษย์คนหนึ่งจึงบ่นขึ้นว่า "แหม ไม่น่าจะมีใครขาดความเคารพถึงขนาดนี้" แต่ท่านพ่อบอกว่า "อย่าไปว่าเขานะ ถ้าเขาไม่ทิ้งของไว้ พวกเราจะไม่มีโอกาสเอาบุญ"ฯ
  • วันหนึ่งโยมนำอาหารถวายท่านพ่อที่วัดมกุฏฯ แต่พอดีวันนั้นท่านได้รับนิมนต์ไปฉันข้างนอก เขาก็รอจนหมดเวลา เห็นท่านไม่มา จึงเอาอาหารนั้นไปกินเสียเอง พอท่านพ่อกลับมาถึงวัด เขาก็บ่นเสียดายว่า "แหม ลูกตั้งใจเอาอาหารมาถวายท่านพ่อ แต่ท่านพ่อไม่อยู่"
    "แล้วเอาอาหารนั้นไปทำอะไร"
    "ก็รอจนหมดเวลา เลยกินเอง""แล้วจะเอาอะไรอีก บุญก็ได้ ไส้ก็อิ่ม"ฯ
  • ในระหว่างพ.ศ. ๒๕๒๒ มีคนกลุ่มหนึ่งมาหาท่านพ่อที่วัดมกุฏฯ บ่อยๆ พอเห็นคนอื่นทำบุญกับท่านพ่อหรือเล่าเหตุการณ์ที่ปรากฏในสมาธิ เขาจะต้องยกมือไหว้แล้วว่า "สาธุ อนุโมทนา" เป็นเสียงดังๆพร้อมๆกันทุกครั้งไป ท่านพ่อจึงตั้งฉายากลุ่มนี้ว่า "พวกหุ้นลม"ฯ
  • "ทำดีให้มันถูกตัวดี อย่าให้มันดีแต่กิริยา"ฯ
  • วันหนึ่งหลังจากชื่อท่านพ่อปรากฏในวารสารฉบับหนึ่ง มีผู้ชายสามคนลางานแล้วขับรถจากกรุงเทพฯมาระยอง เพื่อกราบนมัสการท่านพ่อที่วัด พอกราบเสร็จเขาก็สนทนาสักพักหนึ่ง แล้วถามท่านว่า "พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่เราพอจะกราบขอบารมีท่าน คงยังมีอยู่ในประเทศไทยเราใช่ไหมครับหลวงพ่อ"
    "มีหรอก" ท่านพ่อตอบ "แต่ถ้าเราเที่ยวไปขอบารมีจากท่านบ่อยๆ โดยไม่ได้สร้างของเราเอง ท่านเห็นว่าเราเป็นขี้ขอ ท่านคงจะขี้เกียจให้"ฯ
  • ครั้งหนึ่งมีโยมที่ปากน้ำ สมุทรปราการ บอกผ่านลูกศิษย์ของท่านพ่อว่า อยากถวายปัจจัยหลายหมื่นบาท เพื่อช่วยสร้างพระใหญ่ที่วัดธรรมสถิต แต่จะขอให้ท่านพ่อไปรับที่บ้านเขา พอลูกศิษย์ถวายท่านพ่อ ท่านก็ปฏิเสธทันที โดยพูดกับลูกศิษย์ว่า "คนเราต้องไปหาบุญ ไม่ใช่ว่าจะให้บุญมาหาเรา"ฯ
  • อีกครั้งหนึ่ง มีโยมโทรศัพท์ผ่านสำนักงานวัดมกุฏฯว่า เขาจะทำบุญที่บ้าน แล้วอยากจะนิมนต์ท่านพ่อไปฉันในงานนั้นด้วย เพราะได้ข่าวว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโน พอพระจากสำนักงานเล่าถวายท่านพ่อ ท่านก็ปฏิเสธที่จะไป แล้วต่อท้ายว่า "ข้าวของเขาจะวิเศษถึงขนาดนั้นหรือ ต้องเป็นพระอริยะเจ้าจึงจะให้กิน"ฯ
  • มีคนมาปรารภกับท่านพ่อว่า อยากจะทำบุญวันเกิด ท่านก็บอกว่า "ทำไมต้องทำวันเกิด ทำวันอื่นไม่เป็นบุญหรือ คิดอยากจะทำบุญเมื่อไร ก็ให้รีบทำวันนั้น อย่าไปรอวันเกิด กว่าจะถึงวันเกิด เราอาจจะถึงวันตายก่อนก็ได้"ฯ
  • อีกคนหนึ่งบอกกับท่านพ่อว่า จะทำบุญฉลองวันเกิด ท่านก็ตอบว่า "ฉลองมันทำไม วันเกิดก็คือวันตายนั่นแหละ"ฯ
  • "มัวแต่นึกถึงวันเกิด ให้นึกถึงวันตายเสียบ้าง"ฯ
  • "คนเราทุกคนก็อยู่ในบัญชีตาย พอเกิดมาเราก็เข้าคิวรอเขาประหารชีวิต จะถึงตัวเราเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ ฉะนั้น เราจะประมาทไม่ได้ ต้องรีบสร้างความดีของเราให้ถึงพร้อม"ฯ
  • มีลูกศิษย์ต่างชาติมาขอปฏิบัติธรรมกับท่านพ่อใหม่ๆ ถามถึงเรื่องชาติก่อน-ชาติหน้า ว่ามีจริงหรือไม่ ท่านตอบว่า "คนเราจะปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าสอนให้เชื่ออย่างเดียว คือเชื่อเรื่องกรรม นอกจากนั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่สำคัญ"ฯ
  • ท่านพ่อเคยปรารภคนที่ไม่สนใจนั่งภาวนา แต่ยินดีช่วยงานก่อสร้างในวัดว่า "บุญเบาๆ เขาไม่ชอบ ต้องหาบุญหนักๆให้เขาทำ จึงจะถึงใจเขา"ฯ
  • เมื่อครั้งสร้างเจดีย์เสร็จใหม่ๆ มีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งนั่งคุยกันชื่นชมยินดี ในผลานิสงส์ผลบุญ ที่เขาจะต้องได้รับจากการสร้างบุญในคราวนี้ เผอิญท่านพ่อเดินผ่านได้ยินเข้า จึงพูดเปรยๆว่า "อย่าไปติดอยู่ในวัตถุ ทำบุญแล้วอย่าไปติดอยู่ในบุญ มัวแต่เอาใจไปคิดว่า เจดีย์นี้ฉันสร้างมากับมือ ดีไม่ดีเป็นลมตายไปตอนนี้ แทนที่จะได้เกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์กับเขา จะต้องไปเกิดเป็นเปรตงูเหลือม เฝ้าเจดีย์ก่อนสัก ๗ วัน เพราะใจมัวแต่ไปข้องยึดอยู่ในวัตถุว่า ของฉัน ของกู อยู่นั่นแหละ พอจะตายก็เจดีย์ของกูๆ"ฯ
  • "คนเรา ถ้าทำดีแล้วติดดี ก็ไปไม่รอด เมื่อใจยังมีติด ภพชาติยังมีอยู่"ฯ
  • บางครั้งเวลาลูกศิษย์นั่งภาวนาหรือทำบุญใดๆ ท่านพ่อจะสอนให้อธิษฐานใจไว้ก่อน แต่คำที่จะสอนให้อธิษฐานนั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางครั้งท่านจะสอนให้อธิษฐานตามแบบฉบับของพระเจ้าอโศกว่า "เกิดชาติหน้า ขอให้มีความสามารถในตัวของตัวเอง นั่นก็พอ"ฯ
  • บางครั้งท่านจะสอนว่า "อย่าไปอธิษฐานอะไรให้มากมาย เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เกิดตามพระพุทธศาสนาก็แล้วกัน"ฯ
  • แต่ไม่ใช่ว่าท่านพ่อจะสอนลูกศิษย์ทุกคนให้อธิษฐานใจเวลาทำบุญ ศิษย์คนหนึ่งเคยกราบเรียนท่านว่า เวลาทำบุญจิตรู้สึกเฉยๆ ไม่นึกอยากจะขออะไรทั้งสิ้น ท่านก็บอกว่า "ถ้าจิตมันเต็มแล้ว ไม่ต้องขอก็ได้ เหมือนเราทานข้าวมันก็ต้องอิ่ม ถึงจะขอหรือไม่ขอให้มันอิ่ม อย่างไรมันก็ต้องอิ่ม"ฯ