หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
ข่าวประชาสัมพันธ์ วัดธรรมสถิต ระยอง
ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมงานเปิด นิทรรศการ 150ปี ชาติกาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดธรรมสถิต ระยอง กำหนดการตามนี้
วันที่ 6 มี.ค เวลาประมาณ 18.00 ณ. มีการแสดงพระธรรมเทศนาโดยหลวงปู่สวาท วัดโป่งจันทร์และร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น
วันที่ 7 มี.ค เวลา 07.40 พิธีใส่บาตรและถวายภัตตาหารพระสงฆ์
เวลา 09.30 พิธีเปิดนิทรรศการ 150 ปี ชาติกาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เรียนเชิญทุกท่านร่วมพิธีดังกล่าว
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2563 เป็นต้นไป วัดธรรมสถิต จังหวัดระยอง ขอเรียนเชิญชมนิทรรศการเฉลิมฉลองวาระครบ 150 ปีชาตกาลของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งจะครบในวันที่ 20 มกราคม 2563 นี้
ชาวไทยในภาคตะวันออก ระยอง จันทบุรี ตราด และผู้สนใจทั่วไป ไม่ควรพลาด
เชิญชมภาพกว่า 200 ภาพตั้งแต่วัยเยาว์และภาพสำคัญที่หาชมได้ยากของพระอาจารย์ปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งองค์การ UNESCO ได้ประกาศยกย่องให้พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตในวาระที่มีชาตกาลครบ 150 ปี ใน พ.ศ. 2563 เป็นบุคคลสำคัญของโลกประจำวาระปี 2563-2564
สำหรับ เกร็ดประวัติและปกิณกธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตจากหนังสือ “รำลึกวันวาน” โดย หลวงตาทองคำ จารุวัณโณได้บันทึกไว้ว่า
"หลวงปู่มั่น เกิดมาพร้อม บุคลิกพิเศษ ที่ทำให้ท่านกลายเป็น สาวกที่สมบูรณ์แบบ ของพระพุทธเจ้า
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คือหนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ท่านเป็นผู้มีปฏิปทาสันโดษ มักน้อย แสวงหาความวิเวก และปรารภความเพียรตั้งแต่วันแรกบรรพชา-อุปสมบทจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ชนิดที่เรียกได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของหลวงปู่มั่นก็คือ บิณฑบาตเป็นวัตร ฉันในบาตรเป็นวัตร ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร และใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
หากผู้ใดต้องการถวายจีวร ผ้าสบง ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ใด ๆ ให้แก่ท่าน ก็เป็นอันรู้กันว่าจะต้องนำไปวางไว้ที่บันไดบ้าง วางไว้ใกล้ ๆ กุฏิของท่านบ้าง วางไว้ตรงทางเดินไปห้องน้ำบ้าง เมื่อท่านเห็นก็จะบังสุกุลเอา บางผืนท่านก็ใช้ บางผืนก็ไม่ได้ใช้ ใครไม่รู้อัธยาศัยแล้วนำไปถวายกับมือ ท่านจะไม่รับ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระนักปฏิบัติ ท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีความสมบูรณ์แบบด้วยบุคลิกลักษณะทั้งภายนอกและภายใน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเกียรติคุณของท่านจึงขจรขจายจนถึงทุกวันนี้ แทนที่ความศรัทธาในตัวท่านจะเลือนหายไปเมื่อท่านละสังขาร ก็กลายเป็นว่าศรัทธานั้นกลับเจริญงอกงามขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หลวงปู่มั่นมีไฝอยู่ตรงระหว่างคิ้ว ลักษณะคล้ายกับพระอุณาโลมของพระพุทธเจ้า ไฝเม็ดนี้เป็นจุดดำเล็ก ๆ มีขนสามเส้น ไม่ยาวมาก โค้งหักเป็นตัวอักษร ก. และเป็นเส้นละเอียดอ่อนมาก ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็น เวลาท่านปลงผมจะปลงขนที่ว่านี้ออกด้วย แต่ไม่นานก็งอกขึ้นใหม่ในลักษณะเดิมอีก
หูของหลวงปู่มั่นมีลักษณะยาน จมูกโด่ง แววตาของท่านก็เหมือนแววตาของไก่ป่า (คือเป็นวงแหวนในตาดำ) ส่วนที่มือของท่านนั้น นิ้วชี้จะยาวกว่านิ้วอื่น แล้วไล่ลงมาจนถึงนิ้วก้อย นิ้วเท้าก็เหมือนกัน
ตลอดชีวิตของหลวงปู่มั่นนั้น ท่านเดินทางธุดงค์ข้ามภูเขาไปไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูกจนเท้าพองไปหมด
ศิษย์ท่านหนึ่งคือหลวงปู่หล้า เขมปัตโต เคยเล่าว่า เวลาล้างเท้าให้หลวงปู่มั่นจะเห็นฝ่าเท้าของท่านเป็นลายก้นหอยสองอัน และมีรอยอยู่กลางฝ่าเท้าเหมือนกากบาท เวลาท่านเดินไปไหนแล้วนำไปก่อน สานุศิษย์จะไม่เดินเหยียบรอยเท้าของท่าน และเมื่อท่านเดินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านไปส่องดูก็จะเห็นเป็นลาย “ตารางหมากรุก” ปรากฏอยู่ที่รอยฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ส่วนรอยนิ้วเท้าก็เป็นลายก้นหอยเหมือนกัน จะเรียกก้นหอยหรือวงจักรก็ได้ มีอันใหญ่กับอันเล็กสองอัน
สิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะพิเศษทางกายภาพของหลวงปู่มั่น
บุคคลทุกระดับเมื่อเข้าถึงตัวหลวงปู่มั่นแล้ว ท่านจะเป็นกันเองมาก เวลาคุยก็สนุกสนานเหมือนคนรู้จักกันมานาน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า หากบุคคลที่เข้าไปหาท่านเป็นพวกที่มักจะเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ท่านจะไม่ค่อยเป็นกันเองเท่าไหร่ ถามคำไหน…ได้คำนั้น ถ้าไม่ถาม…ท่านก็นั่งเฉย
หลวงปู่มั่นเคยพูดว่า
“ผู้ที่จะมาศึกษาธรรมะกับเรา จะเป็นญาติโยมก็ดี หรือเป็นพระสงฆ์ก็ดี ขอให้เก็บหอกเก็บดาบไว้ที่บ้านเสียก่อน อย่านำมาที่นี่ … อยากมาปฏิบัติ มาฟังเทศน์ฟังธรรม ถ้านำหอกนำดาบมาจะไม่ได้ฟังเทศน์ของพระแก่องค์นี้”
แม้กระทั่งเด็กที่ไม่รู้เดียงสา หลวงปู่มั่นก็ทำเสมือนว่าเป็นเพื่อนได้ ในความรู้สึกของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เวลาท่านอยู่กับเด็ก กิริยาของท่านจะเข้ากับเด็กได้ดี
คุณสมบัติอันเป็นมิตรของท่านนี้ทำให้ใครก็ตามที่เข้าไปหาท่านแล้ว…กลับออกมาก็อยากเข้าไปอีก ใครได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว…กลับมาก็อยากกลับไปฟังอีก!!"